เมื่อยล้าจากการปั่นจักรยานมาแล้ว วันนี้เลยท่องหลวงพระบางทางลำน้ำโขง
กันบ้าง โดยไปกับบริษัททัวร์ 1 วันท่องลำโขงและเที่ยวน้ำตก (คนละ 500บ.)
เช้ามาก็ไปลงเรือที่ท่าน้ำหลังตลาด ไปเป็นคณะเลยครับราวยี่สิบกว่าคนส่วน
ใหญ่ก็จะเป็นชาวต่างชาติเที่ยวนี้มีพี่ไทยสองคนคือลุงกับป้านี่แหละครับ
  อากาศเข้าหน้าร้อนบ้านเราแล้วแต่เมืองหลวงพระบางก็ยังเย็นสบายเหมือน
เดิม เรือออกวิ่งทวนน้ำไปทางทิศเหนือ ชมวิวสองข้างทางไปราวชั่วโมงกว่า
เรือเค้าก็เข้าเทียบฝั่งขวามือ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวม้งเรียกกันว่าหมู่บ้านต้มเหล้า
ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชนบท เดินขึ้นท่าไปก็มีเหล้าชนิดต่างๆบรรจุชวดขาย
หลายขนาด จากระดับดีกรีอ่อนๆขนาดไวน์ (เหล้าหมัก) ไปจนถึงเหล้ากลั่น
ดีกรีสูงชนิดจุดไฟติด ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเหมือนๆหมู่บ้านม้งในภาคเหนือ
 เพียงแต่ได้ขึ้นไปเข้าห้องน้ำเดินยืดเส้นยืดสายแล้วก็วนกลับมาลงเรือ
รอคณะเดินทางต่อไปอีกพักใหญ่ ผ่านเชิงสูงเขาริมน้ำเข้าสู่บริเวณหน้าผา
ด้านทิศตะวันตกที่มองเห็นแต่ไกลว่าเป็นปากถ้ำริมน้ำโขง

  เรือเทียบท่าเดินขึ้นเขาไปเล็กน้อยถึงหน้าถ้ำตึ่ง ก็จ่ายค่าบำรุงคนละ 2 หมื่น
กีบ ถ้ำติ่งเป็นถ้ำบนผาริมแม่น้ำโขงฝั่งขวาตรงข้ามกับปากน้ำอู ชื่อถ้ำติ่งมาจากการที่มีหินงอกหินย้อยอยู่มาก ซึ่งคนลาวจะเรียกว่า “ หินติ่ง ” จึงเป็นชื่อเรียกของถ้ำว่า “ ถ้ำติ่ง ” ถ้ำติ่งมีอยู่ ๒ ถ้ำคือ ถ้ำติ่งล่างและถ้ำติ่งบน มีพระพุทธรูปตั้งแต่ขนาด ๑๐ ซม. จนถึง ๑ เมตรครึ่ง ประดิษฐานอยู่มากมาย มีทั้งพระพุทธรูปไม้และปูนปั้น ส่วนมากเป็นฝีมือของช่างพื้นบ้าน การนำพระพุทธรูปมาถวายเป็นพุทธบูชาตามถ้ำ เพื่อทำบุญสืบต่ออายุ พระพุทธศาสนาเป็นความเชื่อมาแต่โบราณ

 พอเหมาะพอควรแก่เวลาก็ลงเรือล่องน้ำกลับหลวงพระบางเป็นการพักผ่อน
ศึกษาภูมิทัศน์ทางลำน้ำโขง ที่ไหลผ่านหลายประเทศในเอเซียในย่านของเมืองลาว และทิวทัศน์สองข้างฝั่งน้ำที่แปลกตาเป็นกำไรชีวิตนั่นแหละครับ
  กลับขึ้นฝั่งที่ท่าเรือแล้วก็หาอาหารกลางวันง่ายๆตำส้มรสแซ็บ ข้าวผัด ซุบผัก
ลาว นั่งรอเวลารถทัวร์มารับไปเที่ยวต่อภาคบ่าย ณ น้ำตกกวางสี นั่งรอพักใหญ่
ลมเย็นๆชายน้ำมันน่านอนหลับจริงๆ สองจิตสองใจไปดี?ไม่ไปดีหนอ?
  แล้วรู้ภายหลังว่าถ้าไม่ได้ไปก็จะเสียใจเป็นแน่ เพราะเป็นน้ำตกที่หาดูไม่ได้
ในประเทศไทยเรา ที่คงความเป็นธรรมชาติ น้ำใสสะอาด ในเอเซียแห่งหนึ่ง